วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2557

บันทึกรัก ฉบับคุณแม่มือใหม่ @chililemon ตอน วัฒนธรรมไทย-จีน ภาค2

บันทึกรัก ฉบับคุณแม่มือใหม่ @chililemon ตอน วัฒนธรรมไทย-จีน ภาค2
มาต่อกันที่เรื่องการเลี้ยงน้องพุด ฉบับคุณเเม่มือใหม่ เริ่มต่อเลยค่ะ
ไหว้เจ้า โกนผมไฟ คล้องขากำไลทอง และกินเจ
ไหว้เจ้า เริ่มตั้งแต่ ออกจากโรงพยาบาลมาถึงบ้านวันแรก ตอนนั้นน้องพุดมีอายุ ครบ 4 วัน ก่อนเข้าบ้าน
คนจีนเขาก็มีธรรมเนียมนะจ๊ะ ให้คุณแม่อุ้มเข้ามา แต่ตอนนั้นคุณแม่มือใหม่ อุ้มลูกยังไม่ได้ เลยให้อาโกววว ( ป้า อุ้มแทนก่อน )
จำได้วันนั้นเป็นวันสารทจีน อาม่า ก็อุ้มไป ยืนอยู่หน้ารูปอากง บอกว่า เรามีเชื้อสายสืบทอดแล้ว ( หลานชายคนแรกนะจะบอกให้ อิอิ )คุ้มครองอาซุนเกี๊ยะ ( หลาน ) ด้วยนะ และก็อุ้มน้องพุด ไปไหว้พระ และไหว้เจ้าที่ จี่จู้เอี๊ยะ (ศาลสีแดงๆในบ้านคนจีน )
ไปยืนต่อหน้า แล้วก็ขอพร จากนั้นอาม่าจึงให้อุ้มน้องพุดขึ้นไปที่ห้อง  จากนั้นอาม่าค่อยจุดธูปอีกทีจร้า
โกนผมไฟ คล้องขา  น้องพุดครบเดือน ก็มีการโกนผมไฟ แต่สำหรับน้องพุด อาม่าบอกผมสวย อ่ะ ไม่โกนดีกว่า คือผมน้องพุด มาทรงไหนทรงนั้น ตั้งแต่เกิด คือ ทรงเดียวกับอากงเลย ปาดเป๋ หัวเม่ง รับแสง วิงค์ๆๆ ผมไม่เคยเสียทรงหรือชี้ฟูเลย มาแนวทางเดียวกันตลอด นี่แหละที่มา อาม่าจึงหวงนักหนา ถอดแบบอากงมา แต่หล่อกว่าเยอะ อิอิ ก็ตัดเล็มพอเป็นพิธี แต่ก็ตัดเยอะนะ
แหว่งเลย การตัดเล็บ ขอบอกเลยว่า น้องพุดมีเล็บที่คุณแม่ยังต้องอิจฉา เคยเห็นเล็บนกไหม เรียว แหลม โค้งยาว จิกสุดฤทธิ์  ขนาดแม่ของคุณแม่บอก มือสวยมากๆ อิจฉาจุงเบย อยากได้มั่งอ่า
ก็มีการใส่เษผม เศษเล็บ แล้วค่อย ใส่ใบบัว เอาไปลอยน้ำค่ะ
กำไลทองคล้องข้อขา อาม่าข้างนึง คุณแม่ข้างนึง ก่อนใส่ก็มีการอวยพร ยาวเป็นหางว่าว ใส่เข้าไป คำพูดดีๆๆ
เป็นอันจับพิธ๊
ตอนเอาเศษผม เษเล็บไปลอย ก็บอกไปว่า ขอให้พุดใจเย็นดั่งสายน้ำ อย่าใจร้อน ไม่งองแง เลี้ยงง่ายๆ โตไวๆ
แต่หลังจากพิธี ทั้งหมด พอตกกลางคืนเท่านั้นแหละ น้องพุดก็งองแง เช่นเดิม หนักกว่าเดิมด้วยแหละ
จนขึ้นแม่บ่นเลยค่ะ หนักกว่าเดิม อีกอ่ะ อาม่า.........
กำไลทอง ใส่ได้ 3วันก็ถอดออกค่ะ เพราะ หลุด กลัวหาย แถมน้องพุด ดีดออกจากขาซะอีก คุณป๋าเลยเอาไปเก็บซะ

มีเรื่องประหลาดจะเล่าให้ฟัง
ด้วยความที่คุณเเม่ เห็นลูกร้อง ไม่นอน ชอบนอนสะดุ้ง สะดุ้งนิดนึงก็ตื่น ตดยังตื่น จึงไปวัด หาพระที่รู้จัก พระให้สายสิญญ์มาผูกข้อมือ บอกว่าเด็ดนักเเล
บ่ายนั้นเองคุณเเม่ก็ผูกข้อมือลูก ขณะผูกข้อมือลูกก็ร้องวีดๆๆๆ เราก็ไม่สนใจ นึกว่าร้องปกติ พอตกเย็นเท่านั้นเเหละ ร้องหนัก นมก็ไม่ทาน ร้องจนเกือบ5ทุ่ม เครียดหนักกันทุกคน ตอน3ทุ่มได้ยินเสียงดังปัง ที่กำเเพง เราก็ไปดูนึกว่าใครล้มฟาด ดังมาก เเต่ก็ไม่มีอะไร ตอน5ทุ่ม จู่ๆอาม่าก็พูดขึ้นมาว่า ตัดสายสิญญ์เหอะ ก็ตัดสายสิญญ์ เเล้วพี่เลี้ยงก็ทักว่าเหม็นเน่าอะไร เเต่ทุกคนเงียบ นังเเม่โยนสายสิญญ์ออกนอกหน้าต่าง บอกว่ามาทางไหน กลับไปทางนั้น ไปจุดธูป ขอขมา ทำสิ่งใดผิด ขอโทษด้วย พอตัดสายสิญญ์ออก สักพัก น้องพุด ก็ยอมดื่มนม เเละนอนปกติ รุ่งเช้า เดินหาสายสิญญ์ที่โยนออกไป ก็หาไม่เจอ..

บันทึกรัก ฉบับคุณแม่มือใหม่ @chililemon ตอน วัฒนธรรมไทย-จีน ภาค1


บันทึกรัก ฉบับคุณแม่มือใหม่ @chililemon ตอน วัฒนธรรมไทย-จีน
คุณแม่เป็นสะใภ้คนจีนค่ะ แต่ภาษาจีนไม่กระดิก ดิ๊กกกๆๆๆ อะไรเลย แต่ที่บ้านคุณป๊ะป๋า ก็หัวสมัยใหม่นะคะ
ไม่ถืออะไรมากมาย แต่ก็มีธรรมเนียนคมจีนติดมาเช่นกัน
เรื่องแรกเลย ยาจีน
เคยเล่าไว้ว่า น้องพุดมีขี้ตาหนักมากเลยค่ะ 2 ข้าง อาม่าก็เอายาจีน จำชื่อไม่ได้ได้แล้ว ราคาประมาณ 10 กว่าบาท
ไปเคี่ยวต้มผสมน้ำให้น้องพุดดื่ม ( ผสมน้ำต้มสุก ) เพราะคุณหมอบอกว่า จะให้เริ่มใช้ยา หยอดตาฆ่าเชื้อ ถ้าขี้ยายังคงเยอะหรือมีเขียวเหลือง 555+ หมอพูดมาแบบนี้ มีหรือทางบ้านอาม่าจะยอมให้ ใช้ยากับเด็กแรกเกิด เดือน กว่าๆ เราควรแก้ปัญหาด้วยมือเราก่อน ดีกว่า ถ้าอะไรก็ยาปฎิชีวนะ และทางคุณแม่คำนึงถึงสุขภาพน้องพุด เป็นสำคัญ เราไม่รู้ว่า ยาพวกนี้จะมีผลอะไรรึปล่าว กับเด็กอายุน้อยขนาดนี้
พออาม่ารู้เท่านั้นแหละ วันรุ่งขึ้น เช้าตรู่ อาม่าไปหาซินแซ ( หมอยาจีน ) ที่รู้จัก ซินแซบอกว่า.”” ตั๊ก”” ( หมายถึงของแสลง บางทีคนท้อง เผลอไปทานโดยไม่รู้ตัว หรือ เด็กแรกเกิดที่ทานนมผง ก็จะมีจร้า ) คงเยอะ ต้มยาจีน ก็หยอดยาลงน้ำต้มสุก ให้น้องนิดเดียว ทีแรกคุณแม่นึกว่าจะทานไม่ได้ ขนาดคุณแม่ ยังกังวลในรสชาติ ขมนิดๆ ปรากฎกว่าน้องพุด ดื่มง่ายกว่า น้ำปล่าวซะอีกเอ๊าวววว
!!! อร่อยเลย
ประกอบกับ มีการนวดหัวตาทุกเช้า โดยใช้นิ้วก้อย คุณแม่คลึงเบาๆเป็นวงกลมๆ ลากลงมา ปาดเป็นตัวแอล  ทำวันละหลายๆครั้งๆ เพื่อกระตุ้นต่อมน้ำตา ให้เริ่มทำงานให้ดีขึ้น บางทีก็ใช้สำลีแผ่นชุบน้ำต้มสุก คลึงตาประมาณ3นาที และเหมือนปาดล้างอายลายเนอร์ ทำวันละหลายๆครั้งจะดีมาก ขี้ตาน้อยลงเยอะเลย ไม่ต้องใช้ยาฆ่าเชื้อหยอด









โต๊วแผะ หรือ โตวเอีย
คือเอี๊ยมของเด็ก ที่มีสายผูกคอ ผูกเอว ทำจากผ้าแพรเนื้อดี มีลายหลากหลาย ถ้าเป็นเด็กผู้ชาย จะเป็นสีแดงบ้าง สีน้ำเงิน บ้าง
ดำปักทองบ้าง ราคา 100 –250บาท ปักลาย มังกร ลิง ม้า ถ้าเป็นเด็กผู้หญิง แดงส้ม ชมพู ลายกวาง ลายหงส์ มีอีกหลายๆลาย
ธรรมเนียมจีนเชื่อว่า กันสะดุ้ง ได้ แต่อยากจะบอกว่า สำหรับน้องพุดดิ้งแล้ว ต่อให้เป็นหมอนกันสะดุ้ง ที่ขายๆกัน หรือ โตวเอีย
ไม่ได้ช่วยเลยค่ะ  น้องพุดยังคงนอนสะดุ้ง ดุกดิ๊กเช่นเดิม เฮ้อ    .....
! (น้องพุด ไม่ได้นอนคว่ำเลยค่ะ เพราะอาม่าไม่ยอม อาม่าเชื่อว่า เดี๋ยวจะไม่ดีต่อหน้าอก การหายใจ และที่สำคัญอาม่าไม่เชื่อใจคุณแม่ กลัวลืมซะงั้น )

วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2557

บันทึกรัก.....ฉบับคุณเเม่มือใหม่ @Chililemon ภาค3 น้องพุด40วันเเล้วจร้า

บันทึกรัก.....ฉบับคุณเเม่มือใหม่ @Chililemon  ภาค3 น้องพุด40วันเเล้วจร้า

40 วันของคนจีน หมายถึง 1 เดือนของเด็กทารกนะจ๊ะ ถ้าคนไทยก็ เดือนกว่าๆ
คุณหมอก็บอกเเล้วว่า เลี้ยงยากกว่าเดิม ( อ๊าวววว ) ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะเนี๊ยะ
ตอนท้องเเหม หนังสือ ดูง๊าย ง่าย เเต่ปฎิบัติการจริงนะเหรอ อยากจะร้องไห้ซิกๆๆๆๆๆ
เรื่องเเรก น้องพุดนอนยากมากค่ะ ก็เเค่ 4โมงเย็น ถึง ตี4 ของวันรุ่งขึ้น เท่านั้นเอง ( สลบ )
คือนอน 15-20 นาที ก็ตื่น เเล้วน้องพุดก็ีร้องทานนม ไม่ได้เเล้วค่ะ กัดฟันอดทน ข่มใจ ท้องป่องพอดี
คุณเเม่ก็พาเดินจงกลม เดินหนอ เดินหนอ เดินจงกลม เพราะเด็กทารก เขาไม่รู้จักคำว่าอิ่มหรอก
ถ้าไม่มีอะไรทำ ก็กินเอากินเอา ถามคุณหมอ คุณหมอก็บอก ตามใจเถอะ ก็ไม่อยากจะเถียงหมออ่ะ นะ
3ออนซ์ครึ่ง ต่อครั้ง กระเพาะครากกกกก กันพอดี หมอดันบอกว่า ถ้าล้นกระเพาะเดี๋ยวก็อ๊อกออกมาเอง
เออ ฟังหมอพูดดิ พูดง่าย เเต่สถารการณ์ของคนเป็นเเม่ มันทนไม่ได้ อ๊อกออกจากปากเเบบนั้น
คุณเเม่กัดฟันอดทน พาน้องไปเดินจงกลม เพื่อให้ลืมว่าต้องกินนม คุณเเม่ให้ทานเเต่ต้องทิ้งอย่างน้อย 2ชั่วโมงค่ะ
ถ้าใครเคยเห็นกระดองเต่า เเล้วคิดดูดิ เด็กทานจนท้องเป็นกระดองเต่า ใครจะทนได้
ก็ทะเลาะกัน ใครอัดนมเด็กขนาดนั้น เป็นโดนเรียกมาต่อว่า พี่เลี้ยงก็บอกว่าน้องหิว เอ่อ ดูท้องน้องก่อนซิ
น้องพุดทานนมDG ทานตั้งเเต่เเรกคลอด คุณเเม่มีปัญหาที่หน้าอก เลยนมไม่พอให้เเก่น้อง
ตอนเเรกก็กังวลว่าจะมีปัญหาป่าว เเต่ผู้ใหญ่ก็อนให้ดูน้อง อึ 
น้องพุด นอนยาก เรอยิ่งยากกว่า ทางโรงพยาบาล นางพยาบาลอนให้นั่งหลังตรง ประคองคาง ลูบหลัง
อยากจะบอกว่า ไม่เรอเลยค่ะ นอนตะเเคงหัวสูง ก็หลับซะงั้น บางทีก็ร้องไม่ยอมทำ
คุณเเม่ก็ต้องไปหาเสียง white noise มาให้ฟัง นึกว่าจะสงบ ก็ยังคงตาสดใเหมือนเดิม
ก็ไปหาม้าน้ำสีฟ้า ที่กดเเล้วมีเพลง ตอนเเรกเหมือนจะได้ผล เเต่ก็กลับสู่ภาพเดิมอย่างรวดเร็ว
ถึงลูกะร้องงอแง อย่างไร ก็ไม่เคยสักครั้งที่จะว่าลูก เคยเห็นพ่อเเม่บางคนลูกร้องหนัก เกิดอารมณ์ด่าลูกซะงั้น
เราไม่ทำ เพราะเด็กไม่รู้เรื่อง คุณเเม่ก็ร้องเพลง เล่านิทาน บางทีก็นึกดีใจ น้องพุด รอฟังนิทานจนจบ เเล้วถอนหายใจเฮือก เเละก็ร้องต่อ 5555
น้องพุด ติดอุ้มค่ะ  อย่าได้วางเชียว
การทานนมของน้องพุด อย่างกะพายุ ขวดนมใช้ ดร.บราวน์ มีกันสำลัก เเต่น้องพุดยังสำลักได้ ทานเร็วมา ดูดดังจ๊วบบบบ
บางทีนมไหลไม่ทันใจก็ มีอาการเหมือนลูกหมากัดรองเท้า ส่วยหัว เเหง๊วววววๆๆๆๆๆ
อันนี้คุณเเม่เอ็ดค่ะ บอกว่าถ้าใจไม่เย็นจะเอาขวดนมออกค่ะ พูดจริงทำจริง ร้องเป็นร้อง
ไม่งั้นลูกสำลัก ไม่สนุกนะค่ะ
เรื่องขี้ตา เยอะมากๆ อาม่าผมยาจีนลงไปในน้ำต้มสุก ช่วยลดได้ นิดหน่อย อาศัยประคบน้ำอุ่นที่ตาบ่อยๆ นวดตาด้วย